เขาค้อ 1st Time (ครั้งแรก) - ตอนหลากหลายรสกาแฟ - พระธาตุผาซ่อนแก้ว - และอนุสรณ์สถานในหมอก Day 2

10 ม.ค. 2558

ตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ 06.10 น. เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น (สายไปมั้ย)
เดินจาก บ้านรัตนัยไอหมอก ไป อ่างเก็บน้ำรัตนัย 
อากาศหนาวจนต้องเปลี่ยนเป็นกางเกงขายาว ใส่เสื้อกันหนาวอย่างหนา และพันผ้าพันคอ
ลมแรง อากาศเย็น แต่ไม่มีหมอก ไม่มีพระอาทิตย์ อากาศขมุกขมัว เหมือนอยู่เมืองในหมอก


สูดอากาศจนพอใจ กลับมาที่บ้านรัตนัยไอหมอก ทำธุระส่วนตัว ล้างหน้าแปรงฟัน
อาหารเช้าก็มาเสิร์ฟ เป็น ข้าวต้ม 1 หม้อใหญ่ ปาท่องโก๋ 1 ถุงใหญ่ และไข่เจียว โดยคุณอาของเพื่อน (แถมพิเศษ) โอวัลติน กาแฟ ชงได้ตามสะดวก (มีเครื่องปิ้งขนมปังด้วย)



นั่งชิลสักพัก ก็ได้เวลาออกเดินทาง 8.00 น. ออกจากที่พัก มุ่งไปถนน 12 ตามแผน
วันนี้เราเริ่มต้นที่ "รูท 12" ร้านกาแฟ จุดชมวิวชื่อดังที่สุดของเขาค้อ
เมื่อเลี้ยวซ้ายจากแยกแคมป์สน จะพบว่าถนนเส้น 12 กำลังก่อสร้างทาง กลายเป็นโคลน
ขับรถลำบากมาก (แถมรถเลอะโคลนตลอดทาง) ทำให้การจอดแวะลำบากไปด้วย
แต่ถ้าซ่อมทางเสร็จเมื่อไรคงสบายขึ้นเยอะเลยทีเดียว

ในที่สุดก็มาถึง รูท 12 จากบ้านพักเราวิ่งมา 27 Km. ใช้เวลาประมาณครึ่ง ช.ม.
พอลงจากรถ อากาศหนาวก็ปะทะอย่างแรงงง (นึกว่าอยู่ญี่ปุ่น) หนาวจริงไรจริง
นักท่องเที่ยวเยอะมาก มีรถตู้จอด 2-3 คัน คนเยอะ
เดินชมวิวไปมาสักพัก คนเริ่มซา จึงได้สั่งกาแฟ และนั่งชิลบ้าง



รสชาติกาแฟเฉยๆ ถึงขั้นไม่โดน ค่อนข้างเข้มถึงเข้มมากที่สุด ไม่หวานมันเลยยย (เอสเพรสโซ่เย็น)
เดินต่อลงไปชั้นล่าง ห้องน้ำไม่ค่อยสะอาด สงสัยคนใช้เยอะ
ข้างหลังเป็นจุดชมวิวกว้างขวางมาก มีขายขนม และนักดนตรีกำลังจะเล่น แวะถ่ายภาพกันสักพัก

ออกจากร้านรูท 12 ตอนแรกคิดว่าจะแวะร้าน Kho in Love เพื่อเล่นกับน้องแกะด้วย
แต่ร้านหายไป เหลือแต่ป้ายพังๆ คาดว่าจะโดนอิทธิพลของการทำถนน หวังว่าจะกลับมาเร็วๆ นี้


ขับมาสักพักด้านซ้ายจะผ่าน "ร้าน Story Cup" ร้านน่ารัก รีบจอดแวะ
ที่จอดรถแอบเอียงๆ ไปตามภูเขา หน้าร้านจัดตกแต่งน่ารัก สีสันสดใส
สั่งกาแฟมีหลากหลายเมนู เราเลือกเมนู Signature ของร้าน เป็นกาแฟผสมชา (จำชื่อไม่ได้)
ส่วนพลขับ สั่ง เอสเพลสโซ่เย็นอีกครั้ง สั่งกาแฟเสร็จชำระเงิน จะมีการจดชื่อไว้
หากเราไปเดินหลงอยู่ส่วนไหนของร้าน จะมีไมค์ประกาศเรียกให้มารับกาแฟ เป็นระบบที่ดีมาก


พอได้กาแฟก็เริ่มทัวร์ร้าน ด้านหลังเป็นเนินเขาจุดชมวิว ให้เราถ่ายรูปเล่นได้ตามใจชอบ
(วิวดีกว่าร้านรูท) อาจจะไม่ได้เห็นภูเขาเท่า แต่ดีที่ไม่มีคนเลย มีแค่กรุ๊ปพวกเรา 3 คน
และมีมุมถ่ายรูปเยอะมากๆ พร็อพเพียบ บรรยากาศดี คือดีงาม





หากใครเวลาจำกัด เราแนะนำให้แวะร้านสตอรี่คัพ ร้านเดียวเลย
ทั้งกาแฟอร่อย วิวสวย บรรยากาศดี ห้องน้ำสะอาด (เชียร์มาก) ชอบๆ ถ้ามีโอกาสก็จะแวะมาอีก

ชิมกาแฟมาหลายร้าน ใกล้เที่ยงเราไปยัง "วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว"
ขับตรงจากสตอรี่คัพ ผ่านสามแยกแคมป์สน ตรงไป
ทางเข้าวัดจะมี 3 ทาง ทาง 1 และ 2 จะจอดด้านล่างและเดินขึ้นไป
แต่จากที่อ่านรีวิว และมีคนแนะนำให้ไปทาง 3 เลยจาก 7-11 เลี้ยวโค้งไป
เลยไร่ชาทางซ้ายมือ จะนำรถขึ้นไปได้เลย แต่ช่วงคนเยอะท่าทางจะลำบากน่าดู
ขนาดวันที่เราไปคนเยอะพอสมควร รถจะต้องติดบนทางชัน เพื่อจัดการรถสวนขึ้นลง และหาที่จอด
แอบลำบากอยู่ไม่น้อย และเสียค่าจอดรถ 30 บาท

หากคนไม่ชินเส้นทางแนะนำจอดทาง 1 หรือ 2 (เลี้ยวตรง 7-11) ก็ได้
ได้เดินขึ้นชมความงามด้วย สะดวกเหมือนกันจ้า





จอดรถเสร็จเรียบร้อย ก็เดินเข้ามาได้เลย ถึงตัววัดเลย เพราะนำรถขึ้นมาจอดข้างบนแล้ว
ลงจากรถอากาศหนาวเย็นมากๆ ยิ่งด้านบนยิ่งหนาว เตรียมเสื้อหนาวผ้าพันคอ กล้องถ่ายรูป
แล้วมุ่งตรงไป "อุโบสถพระเจ้า 5 พระองค์" ก่อนที่แรก เพราะสวยเด่น สะดุดตา เสมือนเป็นสัญลักษณ์ของวัดแห่งนี้ ก่อนหน้านี้เคยดูรีวิวผ่านเวป ยังสร้างไม่เสร็จ โชคดีมากๆ ที่ตอนเรามานี้สร้างเสร็จแล้ว
ก่อนเข้าไปจะต้องถอดรองเท้า แนะนำให้ใส่ถุงเท้า เพราะพื้นค่อนข้างเย็น และต้องเดินกว้างเหมือนกัน




พระพุทธรูปสีขาวมุก องค์ใหญ่ เด่นเป็นสง่าอยู่บนท้องฟ้า ตัดกับฟ้าสีฟ้าท่ามกลางสายหมอก
เหมือนหมอกเหล่านั้นเป็นออร่าของพระพุทธองค์ มองไปรอบๆ วิวทิวทัศน์เป็นหุบเขาเขียวขจี
ไม่รู้จะหาคำบรรยายไหนให้เข้ากับความสวยงามที่เราเห็น



จากนั้นเราเดินมาอีกฟากที่ "องค์พระเจดีย์" สีทองอร่าม บอกได้เลยว่า อลังการงานสร้าง
เราไม่ค่อยรู้เรื่องศิลปะ ว่าเค้าเรียกว่าอะไรยังไง แต่ไม่เคยเห็นที่วัดใน กทม. แน่นอน
พื้นและกำแพงกรุด้วยกระเบื้องแก้ว (น่าจะทำมือ) และจานชามเบญจรงค์
ให้ความรู้สึกถึงความตั้งใจ และความปราณีตของคนทำ
กว่าเค้าจะสร้างทั้งหมดนี้ได้ ต้องใช้เวลาและความทุ่มเท มานะเท่าไรกันนะ


องค์พระเจดีย์สามารถขึ้นชมได้ มี 3-4 ชั้น ด้วยความหนาว ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน
แต่วิวด้านบนสวยมากกก จากเจดีย์มองกลับไปจะเห็น พระพุทธรูป 5 พระองค์ในอีกมุม
และมองเห็นนักท่องเที่ยวด้านล่าง ลานจอดรถ รวมถึงมุมต่างๆ ของวัด



ฝนเริ่มตกพรำๆ เรานั่งพักด้านล่าง หลังจากสักการะพระบรมสารีริกธาตุ
มีแม่ชีท่านหนึ่งคอยประกาศเรื่องการทำบุญ พูดซ้ำๆ แบบไม่เหน็ดเหนื่อย
นักท่องเที่ยวหลายคนนั่งพัก จากความหนาว และฝน รวมทั้งเหนื่อยจากการเดินชมทั่ววัด (กว้างเอาการ)

เมื่อท้องเริ่มหิว ได้เวลาลงจากเขาไปหาของกิน โปรแกรมที่ตั้งใจไว้คือ "ครัวเขาค้อ"
ลงจากวัด เลี้ยวขวาไปกลับรถ จากแยกแคมป์สน ครัวเขาค้ออยู่ซ้ายมือ
แต่เราเข้าไปร้านเสริม ร้านหลักต้องเดินไปอีก ด้วยความที่ฝนตก และหิว เห็นป้ายเลยรีบเข้าไปนิด - -"

บรรยากาศร้านเป็นร้านทั่วๆ ไป ธรรมดา แต่รสชาติอาหารอร่อย และราคาไม่แพง
ใครที่แวะเที่ยวแถวนี้แนะนำร้านนี้ ตอนเราไปถึงบ่ายโมงกว่าๆ คนเลยไม่ค่อยเยอะเท่าไร



ด้วยความหิว และแอบรอนานเล็กน้อย เลยไม่ได้ถ่ายภาพอาหารมาครบ T T
เมื่ออิ่มท้อง ฝนก็ยังไม่หยุดตก เลยยังไม่รู้จะไปไหนต่อ เพราะที่เที่ยวต่างๆ ก็ล้วนเป็นกลางแจ้ง
จึงตัดสินใจแวะ "ไร่ บี.เอ็น." ไปช้อปปิ้ง ดูผลิตผลทางการเกษตรไปก่อน
ทางเข้าไร่ฯ มีงานดอกไม้ "Flora in The Mist" ซึ่งอดแวะไปตามระเบียบเพราะฝน
เดี๋ยวพรุ่งนี้ฟ้าเปิดค่อยมาใหม่

ทางเข้าไร่ มีลักษณะเป็นอุโมงค์ต้นไม้ สวยงาม ธรรมชาติมากๆ
พื้นค่อนข้างเป็นดินโคลน ฝนตกด้วย จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
เข้ามาภายใน โดยส่วนตัวคิดว่าไม่มีอะไรมาก ยกเว้นคนที่อยากมาซื้อของการเกษตรจริงๆ
ถ้าดูจากรีวิวหลายๆ อันจะเห็นว่าเป็นสถานที่สำคัญที่ควรแวะ แต่ก็แล้วแต่คนชอบนะ
เพราะข้างในร่มรื่น เป็นธรรมชาติสุดๆ พวกเราแค่ซื้อกาแฟ และแวะเข้าห้องน้ำก็กลับจ้า



ฝนเริ่มหยุด อากาศหนาวเย็น เป็นหมอกตลอดทริป เวลายังเหลือก่อนจะค่ำ
ตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะแวะไหว้พระที่วัดเขาค้อชัยพัฒนารามก่อน แต่ฝนตก และค่ำ
จึงตัดสินใจไป "อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ" เป็นที่สุดท้ายของวันนี้
โดยไม่รู้เลยว่าจะเจอกับอะไร!

เส้นทางจากไร่ บี.เอ็น. ค่อนข้างไกล พอๆ กับเส้นทางที่เราออกมาเมื่อเช้านี้ ประมาณ 27 Km.
เราขับกินลมไปเรื่อยๆ เพราะอากาศเย็นมาก ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์เลยวันนี้

พอถึงทางเข้าเลี้ยวขวา ดูใน GG Map เป็นสีเขียวๆ เริ่มแปลกใจ เอ๊ะ ตกลงมาถูกทางรึป่าว
พอตรงขึ้นไปเท่านั้นแหละ เป็นทางคดเคี้ยวเลยจ้า ขึ้นเขาอีกครา โดยไม่รู้ตัวมาก่อนว่าทางจะเป็นแบบนี้
แล้วฝนเพิ่งหยุดตกไป หมอกหนามากๆ มองแทบไม่เห็นทาง คนขับนี่ปาดเหงื่อเบยย
ดีที่ว่า เหมือนจะเป็นทางวันเวย์ (ทหารด้านบนบอก) (แต่มีรถสวนลงมารอบนึงนะ)
กว่าจะถึงได้ เล่นเอาตัวเกร็งกันทั้งคัน ทางแคบ หมอกหนา คดเคี้ยว และขึ้นเขา!



ถึงจุดหมายแรก ฐานอิทธิ ตอนนั้นเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ภาพที่เราเห็นคือ



เมืองในหมอก! ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นหมอกและควัน อยากถามว่าใครเผาป่า (ฮาาา)


แต่เราไม่มีเวลาพอจะเข้าไปชมคลังอาวุธภายใน กลัวจะมืดก่อนแล้วทางลงจะลำบาก
แค่ลงมาเก็บภาพบรรยากาศ และรีบมุ่งหน้าต่อขึ้นไปยังอนุสรณ์ฯ
ทางค่อนข้างลำบาก เพราะหมอกจัด แต่เริ่มสนุกกว่าตอนขึ้นมาตอนแรกที่ยังไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไร

เมื่อมาถึงจุดขายของที่ระลึกหน้าอนุสรณ์สถาน พบว่าร้านค้าต่างๆ เริ่มเก็บหมดแล้ว
แต่ยังคงมีนักท่องเที่ยวอยู่บ้าง (ดีใจยังมีเพื่อน)
ก็ไปเดินชม เก็บภาพ แต่แทบมองไม่เห็นอะไรเลย เพราะทุกอย่างอยู่ในหมอก แม้แต่ยอดอนุสรณ์ฯ




ใกล้ค่ำแล้ว จึงรีบลงจากอนุสรณ์ฯ ทางลงเป็นทางวันเวย์เช่นกัน คิดว่าต้องใช้เวลาอีกนาน
ปรากฏว่า ขับทางคดเคี้ยวเพียงนิดเดียว ก็ตัดลงมาที่ถนนหลัก ใกล้มาก!

เราขับไปยังจุดชมวิว เพื่อชมวิวพระอาทิตย์ตกยามเย็น แต่หมอกหนามาก ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์
ได้เห็นวิวหมอกสวยๆ มาแทน


ตรงข้ามจุดชมวิว เป็นองค์การฯ (ไรสักอย่าง) มีจำหน่ายของที่ระลึกและของกินจำนวนมาก
เราฝากท้องไว้กับตลาด ได้ไก่ย่างวิเชียร 2 ไม้ (ติดใจไก่อย่างจากวิเชียร) ไข่กระทะ และปลากหมึกบด กลับบ้านพัก แวะมินิมาร์ทซื้อมาม่า และเครื่องดื่มเล็กๆ น้อยๆ ที่ Big Coffee 
(เป็นทางผ่าน ที่นี่เค้ามีดี เดี๋ยวพรุ่งนี้พามาชม)

กลับบ้านพัก ปาร์ตี้กันหน้าบ้าน ท่ามกลางบรรยากาศหนาวๆ ในหุบเขา
คุณพ่อเพื่อน (เจ้าของที่พัก) ให้ขนุนมาเป็นกับแกล้ม (แกล้มกับเป็ปซี่)
บ้านหลังอื่นๆ ก็ปาร์ตี้คาราโอเกะกันครึกครื้น ต่างกับคืนแรกเลยทีเดียว

จบทริปวันนี้ด้วยความหนาวและเหนื่อย พักผ่อนให้เต็มที่
พรุ่งนี้กลับแล้ว T T



พรุ่งนี้ (11 ม.ค.) ชมวิวสุดท้ายที่ Big Coffee ชมดอกไม้ในสายหมอก และขนมจีนหล่มสัก
อ่านต่อคลิก

Share this:

,

CONVERSATION