เขาค้อ 1st Time (ครั้งแรก) - ตอนชมวิวสุดท้าย ดอกไม้ในสายหมอก และขนมจีนหล่มสัก

11 ม.ค. 58

วันสุดท้ายที่รัตนัย วันนี้ตื่นสายหน่อย รู้ว่าไม่ได้เห็นพระอาทิตย์แน่ๆ
เพราะเมื่อคืนฝนยังตกอีก และน่าจะไม่มีหมอก เพราะลมแรงอีกด้วย


บรรยากาศชื้นแฉะจากฝน อาหารเช้ามาเสิร์ฟตรงเวลาเหมือนเคย
คุณพ่อให้เลือกว่าจะเอาข้าวผัด หรือข้าวต้ม แต่ติดใจข้าวต้ม ได้มา 1 หม้อใหญ่ พร้อมปาท่องโก๋ 1 ถุง

ฝนตกกินในร่ม
จัดการอาหารเช้า อากาศเย็นมากถึงหนาว ลมแรง และฝนพรำๆ ตลอด
เตรียมเก็บข้าวของ ถึงเวลาต้องลาจาก บ้านรัตนัยไอหมอก แล้ว
ร่ำลาคุณพ่อ คุณอา และสถานที่พักสองคืน ออกไปยัง "สวนสัตว์เปิดเขาค้อ"
อยู่ใกล้ที่พักเพียง 3 Km. แต่ดันไปถึงเช้าเกิน ยังไม่เปิด T T เปิด 9.00 น. ไปถึง 8.45 น.
เลยทำใจรอ จอดรถชมบรรยากาศหุบเขาในฝนพรำแทน


สักพักลุงเจ้าหน้าที่ขี่มอเตอร์ไซค์ พร้อมหิ้วถุงไก่ย่างมาเปิดประตู
พวกเราได้เข้าไปเป็นกรุ๊ปแรกเลย (เอากรวยออกเองด้วย) เย้!



ในสวนสัตว์เปิด ไม่สามารถเอารถเข้าไปได้ ต้องเดินชมสัตว์รอบสวนระยะทาง 1.5 Km.
ได้ยินว่าแต่ก่อนเคยเปิดให้ขับรถชมรอบๆ ได้ แต่เพื่อป้องกันโรคต่างๆ ที่จะติดรถไป และติดจากรถเข้ามา จึงให้เดินชมแทน


ภายในสวนสัตว์ ถึงแม้จะชื่อสวนสัตว์เปิด แต่สัตว์ก็อยู่ในกรงเหมือนปกติ
ความจริงที่นี่ก็เหมือนสวนสัตว์ทั่วๆ ไป แต่อยู่ในธรรมชาติมากๆ
ถ้าใครไม่ได้สนใจดูสัตว์จริงๆ หรือไม่ชอบแนวนี้ ก็ไม่แนะนำเช่นกัน
(แต่เราชอบชมสัตว์อยู่แล้ว อยากแวะเอง ไม่ได้อยู่ในสถานที่ Recommend แต่อย่างใด 555)

ทางเดินชมในสวนสัตว์ คือถนนที่รถวิ่งได้ แต่จะมีเฉพาะรถของเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาเท่านั้น

หนูอยู่สวนสัตว์เปิด แต่อยู่ในกรงนะฮ้าฟ

พี่หมีหิวแล้ว รอคนต้มข้าวให้อยู่

มองอะไรกันเจ้าพวกมนุษย์

หม่ำอาหารเช้าอยู่ อย่าเพิ่งรบกวน

มีอะไรให้หนูกินม้ายยย

ไก่ฟ้าหลังขาวมีเยอะมาก เป็นสิบๆ กรง

นกเงือก ?

ออกจากสวนสัตว์ ฝนยังไม่หยุด ตั้งใจจะแวะ "แทนรักทะเลหมอก"
ที่นี่เป็น A Must ที่ควรแวะ เนื่องจากวิวดีที่สุดในย่านนี้ คุณพ่อยังบอกให้แวะ
เราผ่านทุกวันตลอดทริป เพราะเป็นถนนที่เราต้องเข้า-ออกที่พัก
เวลาประมาณ 10.00 น. มาถึง คนเยอะมากกกก!!! ไม่มีที่จอดรถ ต้องจอดล้นลงมาบนถนน
และรถทุกคันที่ผ่านพยายามจะจอดแวะ ในร้านก็มีคนเยอะมากเช่นกัน

ตัดสินใจลาจาก เพราะจอดรถลำบาก และคิดว่าต้องเบียดคน คงไม่ได้ถ่ายรูปมุมดีๆ แน่
เปลี่ยนแผนกระทันหันไป "Big Coffee" แทน เพราะเมื่อวานไปเซอร์เวย์มาแล้วว่าวิวสวยเหมือนกัน
แอบเสียดายที่ไม่ได้แวะ แทนรักฯ เพราะผ่านอยู่ทุกวันเช้า บ่าย เย็น เก็บไว้เป็นไฮท์ไลท์วันสุดท้าย
เลยถือว่าพลาดมากๆ (ไม่เป็นไร เดี่ยวไปใหม่)

Big Coffee เราต้องอ้อมกลับมาอีกทาง เพราะตั้งใจจะกลับ กทม. ทางเส้น 12 (เข็ดจากเส้น 2258)
ก็ต้องทำเวลาเอา เพื่อได้ชมวิวยามเช้าแทนแผนเดิม
ถึง Big Coffee คนไม่เยอะมากนัก ส่วนมากเป็นคนที่พักที่นี่อยู่แล้ว เราเข้าไปถ่ายภาพชมวิวด้านใน
ฝนยังตกอยู่ ทำให้ไม่มีคนนั่งทานอาหารทีระเบียงด้านนอก



ออกมาสั่งกาแฟ คนแอบเยอะ เด็กพม่าเป็นคนชงอยู่คนเดียว แอบเหวี่ยง และมีปัญหาเรื่องคิว
(เราสั่งนานแล้ว แต่ทำให้คนมาสั่งใหม่ตลอด ทั้งๆ ที่จดของเราไปก่อนใคร -*-)
แต่รสชาติกาแฟอร่อย ใช้ได้ ให้อภัย อร่อยจริงไรจริง หวานมัน ดีกว่าบางร้าน (ไม่ระบุนะ อิอิ)


กินกาแฟเย็น ให้ร่างกายเย็น ต่อสู้อากาศหนาว (มันใช่เหรอ)
แล้วออกเดินทางไปยังจุดหมายแรก "The Front at B.N. Farm" 
เพื่อชมงาน Flora in The Mist ที่พลาดเพราะฝนไปเมื่อวานนี้


ลานกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ตกแต่งประดับประดาด้วยมวลดอกไม้ในรูปแบบต่างๆ
นักท่องเที่ยวต่างพากันจับจองถ่ายภาพในหลายๆ ซุ้ม ท่ามกลางบรรยากาศหนาวเย็น
แม้จะเกือบเที่ยงแล้ว แต่ยังไม่มีพระอาทิตย์ออกมาให้เชยชม ก็รับ UV กันไปแบบเงียบๆ 555
เพราะอากาศเย็น ทำไร เที่ยวไหน ก็สนุก พวกเราก็ถ่ายภาพกันจนสนุกสนาน เป็นที่พอใจ (เริ่มหิว)
แล้วก็ออกเดินทางต่อ


มุ่งไปหาอะไรรองท้อง ขนมจีนหล่มเก่า แถวหล่มสัก
ผ่านแยกแคมป์สนเลี้ยวขวา ผ่านวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ตรงไปตามทาง มีการทำถนนตลอดเส้นทาง
รถก็ลุยโคลนกันไป ฝนก็ตกสองวันแล้ว ชุ่มฉ่ำได้ที่พอดี คนก็ขับเข้าโค้งกันไป โค้งไปโค้งมา



แวะร้านกาแฟ "Moai" ซะหน่อย อ่านจากรีวิวว่าร้านสวย วิวดี
ที่จอดรถแอบน้อย ต้องจอดไหล่ทาง ดีว่าถนนกว้างอยู่พอสมควร (แต่เป็นดินโคลน)
คนไม่เยอะมาก มีพอสมควร ด้านหน้าร้านมี Moai ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ตั้งเด่นตระหง่าน ไม่หลงแน่นอน
แถมยังเป็นจุดถ่ายภาพที่สวยงามอีกด้วย เข้าไปในร้านสั่งออเดอร์ จะได้บัตรคิว
สามารถไปเดินเล่นรอได้ (นาน) เดี๋ยวเครื่องดื่ม หรืออาหารได้ จะเรียกคิวมารับ

ที่นั่งริมระเบียงด้านนอก วิวสวย อากาศดีมาก แต่! ไม่มีจุดให้ยืนชมวิว เพราะเป็นที่นั่งทานอาหารทั้งหมด
ทำให้คนที่จะไปถ่ายรูปจะเกะกะกับคนทานอาหาร ที่นั่งค่อนข้างน้อย แต่เรามาก่อนเที่ยงเลยได้นั่ง
แต่พอได้เครื่องดื่มพวกเราเลยนั่งได้ไม่นานมากนัก มีคนมารอต่อโต๊ะอีกเพียบ
ส่วนมากจะสั่งอาหารด้วย มีอาหารจำพวกเสต็ก
แต่เราวางแผนจะไปลองชิมขนมจีนหล่มสักไว้แล้ว เลยสั่งเครื่องดื่มอย่างเดียว
โดยรวมร้านโอเค ถ้าคนไม่เยอะ และได้โต๊ะริมระเบียงจะวิวดีมาก ห้องน้ำสะอาด แนะนำควรแวะอีกที่เลย



เอสเพรสโซเย็น VS น้ำแอปเปิ้ลโซดา รสชาติดีทีเดียว

วิวจากร้าน Moai ที่ต้องแทรกตัวระหว่างโต๊ะไปถ่าย
ออกเดินทางต่อ ท้องหิวอยากกินอาหารหนักแล้ว
ขับไปตามทาง 12 อีกนิด ลุยทางลูกรัง (กำลังทำถนน) อีกหน่อย
จะมีป้าย "ขนมจีนสิวาลัย แม่ทองร้อย" เล็กๆ รีบชิดซ้ายแล้วเลี้ยวเข้าเลย

ไปถึงคนกำลังเข้ามาหลายโต๊ะ แม่ค้าเสิร์ฟไม่ทัน แต่ก็ได้ทานทุกโต๊ะไม่มีตกหล่น
เราสั่งขนมจีน 1 ชุด จะมีน้ำยา 3 หม้อ แต่ไม่ได้เลือก เพราะแม่ค้ายุ่งวุ่นวาย เลยมาเสิร์ฟทั้งสามแบบเลย
มีน้ำยาหวานๆ 1 อย่าง ไม่รู้เรียกว่าอะไร อีกสองอย่างน่าจะเป็นน้ำยาป่า และน้ำยากระทิ
ส่วนขนมจีนจะมาเป็นคำๆ มีหลากหลายสีสัน เข้าใจว่าตามสมุนไพรต่างๆ เช่น ใบเตย ฯลฯ

นอกนั้นก็จะมี แกงไก่เขียวหวาน อร่อยมากกกก ไม่หวาน ไม่เผ็ด รสดีมาก
และแกล้มด้วย ลูกชิ้นปิ้ง มื้อนี้ครบเครื่อง อร่อย ราคาถูก อยากให้ไปเปิดสาขาที่ กทม. มากๆ


อิ่มท้องแล้ว ได้เวลาเดินทางกลับ กทม.



เราใช้เส้นทางเดิม เพชรบูรณ์ - ลพบุรี - สระบุรี - วังน้อย เข้ากาญจนาภิเษก มุ่งสู่ลาดพร้าว
ระหว่างทางแวะ "ไร่กำนันจุล" อันนี้ก็แนะนำ มีของฝากหลากหลายรูปแบบ ทั้งของกิน ของสด ของแห้ง จะแวะทานอาหารก็มีให้เลือกหลากหลายราคาถูก น้ำต่างๆ แก้วละ 10 บาทเท่านั้น
ของที่ระลึกก็มีมากมายสวยงาม เสื้อยืด ฯลฯ
พวกเราซื้อ ข้าวเกรียบปลา 5 ห่อแถม 1 / มัลเบอร์รี่กวน (อร่อย ช่วงนี้เป็นเทศกาลมัลเบอร์รี่พอดี) / วุ้นกีวี่ วุ้นกะทิ / ชาเย็น และกาแฟ จ้า




ผ่าน อ.วิเชียรบุรีอีกครั้ง ติดใจ แวะซื้อไก่ย่างวิเชียร "ร้านเจ๊ไสวไก่ย่าง" ห่อกลับ
ใกล้ถึง กทม. แวะปั้มทานข้าวเย็น กับไก่ย่าง ฟินสุดๆ กลับบ้านพักผ่อน เพราะตอนเช้าต้องทำงานอีก

สรุปทริปนี้ สนุกสนาน แม้อากาศอาจจะไม่เป็นใจไปบ้าง และไม่ได้เห็นทะเลหมอกเต็มๆ
แต่เหมือนได้เที่ยวสองฤดูในทริปเดียวกัน ทั้งแบบหนาว และแบบฝน
อาหารก็อร่อย เป็นเอกลักษณ์ ที่หาไม่ได้ในกรุงเทพฯ อากาศก็ดี วิวก็สวย ถนนหนทางก็แปลกใหม่
อย่างเดียวที่ลำบากไปหน่อยคือ หนทางมันไกลถึง 500 โล ถ้าไม่ติดว่าไกลจะมาบ่อยๆ แน่
ตกหลุมรักเขาค้อซะแล้ว ❤ เจอกันใหม่ปีหน้านะจ้ะ




Share this:

,

CONVERSATION