HOMESTAY : บ้านสว่างอารมณ์ พรมสวรรค์ ร้อยเอ็ด ตอน 1


สงกรานต์ที่ผ่านมา ได้เดินทางกลับบ้าน (คนอื่น) กับเค้าด้วย แบบกระทันหัน
ไม่ได้เตรียมตัวไว้ก่อน ลางานกระทันหันหนึ่งวัน และเก็บของหนึ่งคืน มุ่งหน้าสู่ "ร้อยเอ็ด"
ออกเดินทางก่อนวันหยุด รถจึงไม่ติด แต่มีปริมาณรถหนาแน่นพอสมควร


มุ่งหน้าสู่จุดหมายแรก แวะทานอาหารเช้าที่ "ข้าวแกงบ้านสวน"


เดินทางต่อเนื่องแวะทานอาหารข้างทางแถว เส้นขอนแก่น
Search หาร้านอร่อยอยู่นาน แต่ข้างทางแทบไม่มีเลย จึงแวะทานอะไรง่ายๆ "ลาบร้อยเอ็ด"
เพราะอยากกินไก่ย่างเขาสวนกวาง กับหมี่โคราช แต่อยู่คนละเส้น
ร้านดูจากภายนอกโอเคดี แต่เข้ามาก็จะเป็นสไตล์บ้านๆ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรมากนัก
ส่วนรสชาติอาหารใช้ดีเลยทีเดียว ไก่ย่างนุ่มมาก แต่ส้มตำกับลาบ เผ็ดได้ใจ
(โชคดีไม่ท้องเสียนะ แสดงว่าของสดดีอยู่)
ปล. แถวนี้มีร้านลาบตลอดทาง ลาบก้อย ลาบยโส ลาบร้อยเอ็ด เยอะมาก


เดินทางต่อ (ไม่ถึงซะทีเพราะมัวแต่แวะนี่แหละ) คราวนี้ยิงยาว ไปถึงโพนทองเริ่มมืด
คนขับอ่อนเพลียล้า ขับตากแดดมาตลอดทาง พอมืด ทางก็ยิ่งรู้สึกไกลออกไป
ในที่สุดก็ถึง ทางเข้าบ้านคุณพี่มืดมาก ไม่น่าเชื่อว่ามีคนอาศัยอยู่แถวนี้ ธรรมชาติจริงไรจริง

ทางบ้านเตรียมอาหารไว้ตอนรับ รู้สึกอร่อยมากๆ (เหนื่อยและหิวด้วย)
ตอนแรกคิดไว้ว่า อากาศต้องร้อนมากๆ เพราะเป็นช่วงเมษายน
คิดว่าจะนอนไม่ได้ (เพราะปกติติดนอนแอร์)ปรากฎว่า ลมแรง เย็นสบายมาก
หลับสบายด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง zZZzz

เช้าวันใหม่ ตื่นแต่เช้า เดินชมรอบๆ บ้าน สวนปาล์ม มะนาว มะม่วง จนแม่ว่าให้เตรียมตัว
วันนี้เดินทางไกล ไปไหว้พระรับปีใหม่ไทย ที่ "มหาธาตุเจดีย์ ผาน้ำย้อย" และ "พระธาตุพนม"
ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ออกเดินทางรถ 3 คัน มุ่งสู่จุดหมายแรก 45 Km จากบ้าน


ทางรถขึ้นจะต้องขับขึ้นเขาเล็กน้อย
จอดรถเรียบร้อย ทางขึ้นไปพระธาตุฯ ให้เดินผ่านกำแพงเมืองจีน (เรียกเองเพราะมันเหมือน)
จะได้ชมวิวเมืองด้านล่าง สวยงามมากๆ



สักการะพระด้านล่างเรียบร้อย สามารถขึ้นไปชมพระธาตุด้านบนได้ โดยเดินขึ้นบันได
ค่อนข้างสูงมีหลายชั้น ช่วงนี้บูรณะอยู่ ผู้สูงอายุขึ้นไม่ไหว พักรอชั้นกลางๆ
ส่วนวัยรุ่นอย่างเรา ขึ้นไปถึงชั้นบนสุด (ซึ่งยิ่งสูงยิ่งหนาว บันไดลำบากมาก เป็นวนๆ)
ด้านบนสุดจะมีพระอัฐิ ให้สักการะ ขาลงถึงกับชาสั่นไปตามๆ กันเลยทีเดียว



กลับลงมา ขาลงจากพระธาตุฯ มีรถรับส่งไปถึงที่จอดรถ บริจาคตามศรัทธา
คนขับเล่าให้ฟังว่า มีคนบริจาครถมาให้ (จำไม่ได้ว่าใคร)
แต่ไม่มีเงินเติมน้ำมัน ต้องให้นักท่องเที่ยวช่วยกันบริจาค จะได้มีรับส่งคนอื่นๆ ต่อไป
กลับลงมาแถวที่จอดรถ มีร้านขายของที่ระลึกมากมาย แวะดื่มน้ำ ได้หมวกปีกกว้างมา 1 ใบ 50 บาทเอง

รีบออกเดินทางต่อ เพราะจุดมายต่อไปไกลมาก "พระธาตุพนม" จากจุดนี้ไป 135 Km
ผ่าน 3 จังหวัด ยโสธร - มุกดาหาร - นครพนม ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง
ฟ้าฝนครึ่มๆ ตลอดทาง เริ่มมีฝนโปรยเมื่อใกล้ถึง พอเข้าเขตนครพนม ฝนก็ตก ไม่หนักแต่ตกตลอด

ขนาดฝนตก คนยังมาไหว้พระธาตุพนมเยอะพอสมควร ส่วนมากน่าจะเป็นชาวบ้านจังหวัดใกล้เคียง
จุดธูปเทียนกันติดบ้างไม่ติดบ้าง จุดเทียนจนติดแล้วน้ำฝนที่ตกลงมาก็ทำให้ดับไปอยู่ดี
ไหว้พระธาตุต้องวนสามรอบ สมาชิกในทีมก็วนบ้างไม่วนบ้าง ฝนตก ถอดรองเท้า พื้นก็ลื่น
แต่พวกเราก็กางร่มวนจนครบสามรอบ เกือบลื่นไปบางจังหวะเหมือนกัน อธิษฐาน แล้วปักธูป


ตอนนี้ไม่มีภาพประกอบเท่าไร ฝนตกไม่หนัก แต่ตกตลอด ต้องกางร่ม มือไม่ว่าง รองเท้าเปียก
ตอนเข้ามามียายลื่นพื้นที่เปียกน้ำ ล้มลงพื้นจริงๆ จังๆ เจ้าหน้าที่มาช่วย จะให้ไปนั่ง
พอบอก ยายนั่งพักก่อน ยายก็ลงไปนั่งกับพื้นเลย เปียกไปกันใหญ่ - -


ไหว้พระเรียบร้อยก็ กางร่มออกมาทำบุญต่อ บริจาคเงิน แล้วเค้าพูดออกไมค์ให้ ^^ สาธุ
จากนั้น รถ 3 คัน ก็ทยอยกันขับไปตามทางสู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง จากร้านที่พี่หาทางเน็ตมาว่าดี
ร้าน "ริมโขงวิลล์" เหมือนเป็นโรงแรมด้วย บรรยากาศใช้ได้ ฝนเริ่มหยุดแล้ว อากาศไม่ร้อน


เมนูแนะนำเป็นปลาแม่น้ำโขง (แต่สั่งมาแล้ว ไม่ได้อร่อยมากเท่าไร หนังปลาแอบเหนียว)
ที่อร่อยกลายเป็นเมนูสุดท้ายที่มาตอนอิ่มแล้ว คือ ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน
ถ้าไม่ได้มาทริปนี้ จะไม่เคยกินเลยจริงๆ เพราะเป็นเมนูที่ทางบ้านไม่นิยม
ด้วยความที่ต่างคนต่างสั่ง ไม่รู้ว่าใครสั่งแล้ว ยังไม่สั่งบ้าง อาหารมาเยอะเกิน ก็ห่อกลับบ้านตามระเบียบ
ปล. ร้านนี้ไม่มีข้าวเหนียว ร้านอาหารอยู่ริมฝั่งโขง บ่ มีข้าวเหนียวเนาะ


อิ่มแล้ว เคลื่อนถลกลับบ้าน รถทางไกลร้อยกว่ากิโล คนขับหมดแรง ขับมาตั้งแต่ กทม. อิอิ
แวะเยี่ยมที่นา ยังไม่ถึงฤดูทำนาเลยยังเป็นแบบนี้ ข้างๆ เป็นสวนปาล์มด้วย (เพิ่งเคยมาเดินข้างๆ นา)


หมดวัน หมดแรง ทานข้าว นอนพักผ่อน ณ บ้านสว่างอารมณ์



อ่านตอนสอง พักผ่อน บ้านสว่างอารมณ์ คลิก

อ่านตอนสาม วัดบูรพาภิราม - บึงพลาญชัย - Daily Home - กลับ กทม. คลิก



Share this:

,

CONVERSATION