ได้ไปแล้วนะ เจแปง ตอนที่ 5 : เข้าเมืองตาหลิ่ว
19 มี.ค. 57
(เป็นบล็อคที่ดองไว้นานแล้ว ลืมกด Publish T T)
เมื่อคืนเราพักที่ Jiragonno Fuji No Yakata ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาเขตของ Mt. Fuji
ทำให้เราตื่นมา และเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิซังจากห้องพักเลย (โชคดีมากๆ)
อาหารเช้าวันนี้ ทานที่ห้องอาหารบุฟเฟต์เดิม แต่ด้วยความอิ่มจากเมื่อคืน จึงทานไม่มานัก
ไกด์มีการเปลี่ยนโปรแกรมไปมา ตอนแรกว่าจะไม่ได้ชมภูเขาไฟแล้ว
เพราะเพื่อนร่วมทริปหลายท่านอยากมีเวลาช้อปปิ้งเยอะๆ ประกอบกับ อากาศไม่เป็นใจ
แต่ไปๆ มาๆ เมื่อล้อหมุนแล้ว ไกด์ปรึกษากับคนรถว่า จะแวะจุดชมวิวให้
แวะได้เพียงแปปเดียว เพราะวันนี้เข้าเมือง รถจะติดมากๆ เรามีนัดดูงานที่ Panasonic Center
ได้เห็นฟูจิซังแค่นี้ก็ดีใจมากๆ เห็นแบบชัดๆ ไม่มีอะไรบดบัง
เค้าว่ากันว่า ฟูจิซังเป็นหญิงสาววัยแรกแย้ม จึงต้องรักษาความสวยไว้ตลอดเวลา
หากเธอไม่พร้อม เธอจะไม่ปรากฎโฉมให้ใครเห็นง่ายๆ
คนญี่ปุ่นจึงมักจะตอบไม่ได้ว่า วันนี้ หรือพรุ่งนี้ จะได้เห็นฟูจิซังหรือไม่
ฟูจิซัง เป็นภูเขาไฟไม่กี่ลูก ที่ได้ใช้คำว่า ซัง ต่อท้าย เป็นการให้เกียรติ เหมือนเรียกว่า คุณฟูจิ
ถ่ายภาพกันจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็กลับขึ้นรถ เพื่อเดินทางต่อ ระยะทางจากจุดชมวิวเข้าโตเกียว
ประมาณ 126 Km. 2 ชั่วโมง (แต่ความเป็นจริงรถติดมาๆ จนใช้เวลาเกือบ 4 ช.ม.)
เป็นวันที่ประธานาธิบดีมาเยือน ทำให้ปิดถนนในโตเกียวบางจุดด้วยนะ
ขณะออกเดินทางจากฟูจิ ประมาณ 9 โมง ทำให้เรา Late เวลาชม Panasonic Center ไปโข
แถมยังมีนัดกับร้านอาหารเที่ยงไว้อีก ไกด์จึงปรับเปลี่ยนให้เราไปทานอาหารเที่ยงกันก่อน
เข้ามาในโตเกียวแล้ว จะเห็นความเจริญอย่างชัดเจน บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน
ผู้คนมีระเบียบวินัย พนักงานออฟฟิศส่วนมากจะใส่สูท หรือเสื้อเชิ้ต ไปในโทนสีเดียวกันหมด (ดำ ขาว)
โดยสังเกตว่าใครทำงานที่ไหน จากเข็มกลัด ที่จะติดไว้ยังปกเสื้อ
พนักงานออฟฟิศส่วนมากจะต้องมีการสังสรรค์ โดยเฉพาะในเย็นวันศุกร์
หากผู้ชาย (Salaryman) คนใด ไม่ได้ไปสังสรรค์ ภรรยาจะต้องสงสัยว่า
เค้าผิดปกติตรงไหน ทำไมเพื่อนไม่คบ
ส่วนผู้หญิง โดยมากมักจะไม่ได้รับตำแหน่งดีๆ ในบริษัท
ด้วยธรรมเนียมคนญี่ปุ่น ที่ผู้หญิงจะต้องทำหน้าที่ดูแล สามี และลูกๆ
บริษัท ส่วนมากจึงเกรงว่า ให้รับผิดชอบงานสำคัญไป ก็จะเสียเวลาเปล่าๆ
เพราะสุดท้าย เธอเหล่านั้นก็ต้องลาออก ไปเลี้ยงลูก และดูแลสามี เมื่อถึงเวลาอันควร
(ไม่ค่อยยุติธรรมเลยนะ แนวคิดแบบนี้ ไม่ปลื้ม)
ดังนั้นผู้หญิงยุคใหม่ จึงนิยมไม่แต่งงานมากขึ้น เพื่อจะได้ทำงานที่ตัวเองรัก
กลับมาเรื่องอาหารเที่ยงวันนี้ เป็นปูยักษ์ (อีกแล้ว) และอาหารเซทง่ายๆ
รับประทานบนตึกสูง เหมือนจะเป็นตึกออฟฟิศ เพราะรายล้อมด้วยตึกออฟฟิศต่างๆ มากมาย
เสร็จสิ้นมื้ออาหาร ทุกคนตกลงกันว่า จะไป Panasonic Center เพียงเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก (ว่ามาแล้วนะ)
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาช้อปปิ้งที่ชินจูกุ ในโปรแกรมต่อไป (เอาเถอะนะ คนไทย - -")
ที่นี่เอง เราได้แยกกับคณะทัวร์ เพราะมีเพื่อนของน้องที่ไปด้วย เรียนอยู่ที่นี่
และจะพาน้องไปตึกโปเกม่อน เพื่อซื้อของฝาก เราจะแยกกันที่รถไฟ
ส่วนพวกเรามาเพื่อจะได้นั่งรถไฟเที่ยว ไปชินจูกุเอง
Panasonic Center อยู่ฝั่งที่เรียกว่า โอไดบะ (お台場 Odaiba) เป็นเกาะที่เกิดขึ้นจากการถมขยะ
เพื่อขยายเมืองโตเกียว รองรับประชากรที่เพิ่มขึ้น (คล้ายๆ ไทย ที่คน ตจว มักเข้ามา กทม เพิ่มขึ้น)
มีสะพาน Rainbow Bridge ที่เป็นไฮท์ไลท์ของเมืองฝั่งนี้ กลางคืนจะเปิดไฟสีรุ้งสวยงาม
พวกเราจึงต้องนั่งรถไฟ ข้ามกลับไปยังเมืองโตเกียว และต่อ JR ไปยังชินจูกุ
ตั๋วที่นี่ สามารถซื้อผ่านเครื่องได้ มีใบเสร็จให้ด้วย และสามารถทอนเงินอย่างอัจฉริยะ
ช่องทางเข้า ให้เสียบกระดาษตั๋ว และจะคืนออกมา เพื่อใช้ขาออก
(เค้าไม่ต้องมีประตูกั้นตอนเข้าเลย แต่น้องบอกว่า ถ้าเดินมั่วมันจะปิดอัตโนมัติ)
ระหว่างนั่งรถไฟ เราสังเกตุว่า รถไฟเค้าสะอาดสะอ้าน ผู้คนเป็นระเบียบเรียบร้อย
(แต่รถไฟฟ้าบ้านเรา ช่วงคนไม่เยอะ ก็ถือว่าเป็นระเบียบไม่แพ้เค้าอยู่)
ถึงขั้นว่าบนรถไฟมีป้ายเตือนห้ามใช้โทรศัพท์ ห้ามคุยโทรศัพท์อยู่ด้วยทีเดียว
ส่วน JR ที่เราเปลี่ยนขบวนมา คนค่อนข้างเยอะ แถมมีที่วางของบนหัวคนนั่ง
เพราะคนญี่ปุ่นส่วนมากจะมีกระเป๋าติดตัวมาด้วย ไม่เว้นแม่แต่ผู้ชาย!
ผู้ชายถือกระเป๋าใหญ่ๆ ทรงผู้หญิง ไม่ใช่เกย์นะคะ
วิวเมืองจากรถไฟ
สถานีรถไฟชินจูกุจะมีทางออกเยอะแยะหลายทางหลายแบบมาก จะต้องศีกษาดีๆ
เนื่องจากเวลาจำกัด เราจึงต้องวางแผนซื้อของเพียงไม่กี่ที่ ที่พลาดไม่ได้คือร้านเครื่องสำอาง
(แต่ละคนรับพรีออเดอร์มาเยอะมาก แบบไม่ได้ค่าหิ้วนะ 555) ใช้เวลาอยู่ที่นี่นานทีเดียว
ช้อปปิ้งที่ชินจูกุจนหมดแรง (และหมดทรัพย์) จนเริ่มค่ำ
แล้วเราก็มาทานอาหารเย็น เป็น เนื้อย่างในชินจูกุ (จำชื่อร้านไม่ได้) แต่มีคนไทยมาทานบ่อย
มีพนักงานเสิร์ฟที่เป็นคนไทยด้วย และมีรูปคุณปูมาทานด้วย (ถ้าจำไม่ผิด)
เนื้อดีจริงอะไรจริง มีผ้ากันเปื้อนให้ และสั่งไม่อั้น มื้อนี้อิ่มจนพุงกาง อีกแล้วว
วิวจากร้านอาหารมองลงมาเป็นชีวิตชาวญี่ปุ่นแบบเร่งรีบที่ย่านชินจูกุ
กลับโรงแรมพักผ่อน คืนนี้พักที่ Grand Pacific Le Daiba
เดินชมรอบๆ หน้าห้าง Diver City มีแสดงกันดั้มยักษ์พอดี
ห้างใกล้ปิดแล้ว เราเดินไปเรื่อยๆ ริมน้ำ บรรยากาศดีมากๆ คืนสุดท้าย ก่อนกลับไทยแลนด์
วิวจากห้องพัก |
ที่ไหนๆ ก็มีตู้กดน้ำ แถมมีเครื่องดื่มร้อน อีกด้วย |
ห้องน้ำหรูสุดตั้งแต่มาทริปนี้เลยย |
ราตรีสวัสดิ์ :) |
CONVERSATION